ขออภัยที่แม่มณีทำให้รอนานเจ้าค่ะ แม่มณีก็ใช้เวลาอย่างถี่ถ้วนที่จะคัดตัวเลือกแบบประกันที่น่าสนใจ เพราะซีรี่ยส์ ชี้เป้า เข้าใจ ก็พยายามจะจำกัดวงให้เหลือตัวเลือกที่มีจุดเด่น ตีกรอบให้พ่อแม่ตัดสินใจกันได้ง่ายขึ้น สำหรับประกันเหมาจ่ายเด็กที่ได้สายสะพายจากแม่มณีไป มี 6 ค่ายด้วยกัน แม่มณีแบ่งเป็น 2 กลุ่ม โดยเน้นการพิจารณาไปที่เด็กอายุไม่เกิน 5 ขวบที่ป่วยง่าย ยังไม่ค่อยมีภูมิต้านทาน พ่อแม่ไม่ทำประกันแล้วกระเป๋าสตางค์ต้านไม่ไหวจริง ๆ

    เริ่มกันที่กลุ่มแรก เหมาจ่ายค่าห้องน้อย มาถึงในปี 2021 นี้ ใครที่เสพข้อมูลประกันสุขภาพผ่านหูผ่านตา ก็จะมองหาประกันแบบเหมาจ่าย เพราะใช้การได้จริง มีส่วนเกินที่ต้องออกเองน้อย แต่ชะรอยประกันสุขภาพเหมาจ่ายสำหรับเด็กนั้น ราคาไม่ธรรมดาเกินห้าหมื่นกันซะเป็นส่วนมาก มีในกล่องมาถามแม่มณีกันบ่อย ๆ ว่าประกันเหมาจ่ายเด็กแบบราคาไม่แรงสองสามหมื่นยังมีเหลืออยู่ในประเทศนี้หรือไม่? แม่มณีก็เลยแยกกลุ่มนี้ออกมาให้เห็นชัดเจนว่าเหมาจ่ายเด็กไม่เกินห้าหมื่นนั้นยังมี แต่สิ่งที่ต้องทำใจรับให้ได้คือ “ค่าห้อง” ที่มักจะน้อย และค่าใช้จ่ายหลายรายการยังคงล็อควงเงินต่อครั้งอยู่ เหมาะกับเด็กที่ใช้โรงพยาบาลไม่หรูหรานัก หรืออาจจะมีสวัสดิการส่วนอื่นอยู่บ้างมาช่วยจ่ายค่าห้องส่วนเกิน ถ้ายอมรับข้อจำกัดในส่วนนี้ได้ ก็มองหาตามที่แม่มณีตีกรอบชมพูไว้ให้ อย่างไรก็ดีแม่มณีขออนุญาตขยายความเพิ่มเติมรายค่ายดังต่อไปนี้เจ้าค่ะ




    ค่ายแรกฟิลหลอดไฟ เจ็บไปไม่น้อยกับตลาดเด็กไทยที่ loss ratio ไม่เคยปราณีบริษัทประกันค่ายไหนทั้งสิ้น ฟิลหลอดไฟปิดแผนประกันเด็กเดิม และออกแผนประกันมาใหม่ ความโดดเด่นที่สุดอยู่ที่ ทำได้ตั้งแต่เด็กอายุ 1 วัน ย้ำ! ข้ามราตรีไป ยื่นเอกสารได้เลย นอกจากนั้นยังมีข้อดีที่เป็นแบบประกันที่ตอบรับ New health Standard ของ คปภ. มีการปรับปรุงเนื้อหาในกรมธรรม์เรื่องการต่อสัญญา และการปรับราคาเบี้ยประกันให้เป็นธรรมกับฝ่ายผู้เอาประกัน ไม่ใช่เอะอะเคลมเยอะเกินไป ขึ้นเบี้ยเป็นรายบุคคล เนื้อหาของกรมธรรม์จะระบุชัดเจนว่าเงื่อนไขที่จะไม่ต่อสัญญาคืออะไร ถ้าไม่ผิดเงื่อนไขย่อมเทลูกเราไม่ได้ หรือการเพิ่มเบี้ยประกัน ก็ต้องพิจารณาทั้งพอร์ทฟอลิโอ จะมาโมโหเพิ่มเบี้ยเฉพาะคนที่เคลมเยอะก็ไม่ได้ นี่คือหลักใหญ่ใจความข้อดีของแบบประกันนี้เจ้าค่ะ

    ส่วนข้อจำกัดก็มี คือความจุกจิกในวงเงินสูงสุด ล็อคทั้งวงเงินสูงสุดต่อครั้ง สูงสุดต่อปี แถมยังแบ่งกรณีเป็นอุบัติเหตุ หรือ เจ็บป่วยอีก ใด ๆ คือเป็นเงื่อนไขวงเงินสูงสุดที่วุ่นวายที่สุดเท่าที่แม่มณีเคยเจอมา แผนนี้แม่มณีคิดว่าเหมาะกับผู้ที่จะซื้อไปเพื่อใช้ประกอบกับสวัสดิการอื่น ๆ หรือเล็งเข้าโรงพยาบาลที่ค่าห้องไม่แรง 2 แผนแรกที่แม่มณีตีกรอบไว้ถือว่าคุ้มค่า ราคารับได้ แต่ถ้าแผน 3 ขึ้นไป ดูราคาเกินลิมิตไปแม่มณีไม่ค่อยจะเชียร์         นอกจากนั้นแผนนี้ยังซื้อได้ 2 ราคา จะซื้อแบบ HS เอ่เอ๊ คือไม่มีส่วนร่วมจ่าย ไม่ซับซ้อน หรือจะซื้อแบบ HS ซิดซี่ มีส่วนร่วมจ่ายแบบ Co-payment 20% เบี้ยถูกกว่าแต่ว่าบริษัทประกันคุ้มครองแค่ 80% ของความคุ้มครองที่ได้ตามแต่ละแผน เหลือลูกค้าจ่ายเองหรือจะเอาไปเบิกประกันอื่นอีก 20% เลือกกันตามสะดวกใจเจ้าค่ะ

    ค่ายต่อไปคือ กรุงเมพ สุขภาพบวก ถือเป็นประกันเหมาจ่ายแก๊งค์ดึกดำบรรพ์ เป็นแบบประกันในยุคแรกของการมีประกันเหมาจ่าย ยังมีหลายรายการที่ล็อควงเงินสูงสุด ข้อดีที่เห็นเป็นหลัก คือ ราคาเอื้อมถึงที่สุด สามหมื่นต้น ๆ ก็ซื้อได้ถ้ารับได้กับค่าห้องสองพันต่อคืน นอกจากนั้นก็จะมีลูกเล่นเพลินตาอีกเล็กน้อยในกรณีที่ถือประกันแบบนี้ แต่ไปเบิกที่สวัสดิการอื่น ก็จะแปลงร่างเป็นค่าชดเชยต่อคืนให้ พ่อแม่ท่านใดที่มีสวัสดิการเบิกได้จากบริษัทแล้วอยากจัดประกันเหมาจ่ายไปเพิ่มในต้นทุนที่ไม่มากเกินไป แผนนี้ก็น่าสนใจทีเดียวเจ้าค่ะ

    ส่วนค่ายสุดท้ายในกลุ่มเหมาจ่ายค่าห้องไม่แพง ก็คือ อลั้นลา กรุงเก่า เค้ามีแผนที่แม่มณีชอบใจคือ MMK เหมาจ่ายค่าห้องสองพัน มี OPD ผู้ป่วยนอก 1000 ต่อครั้งแถมให้ (บังคับซื้อ) ด้วย อันนี้เป็นทางเลือกที่แม่มณีคิดว่าถ้ารับได้กับค่าห้องสองพัน เบี้ยสี่หมื่นปลาย ได้ทั้งเหมาจ่าย ได้ทั้งผู้ป่วยนอก แม่มณีว่าคุ้มทีเดียว และไม่ต้องปวดหัวกับวงเงินสูงสุดต่อครั้ง ต่อปีวุ่นวาย ค่ายนี้ก็คือชัด ๆ ไปว่าวงเงินเหมาจ่ายล็อคสูงสุดต่อปีอย่างเดียว ขยับไปสูงขึ้นอีกนิด อุลตร้าแมน 1 ค่าห้องสามพัน แต่ตัด OPD ทิ้งไป ใส่วงเงินฉีดวัคซีนหรือตรวจสุขภาพให้ 500 ว้อททททท น้อยไปมั้ยอ่ะเจ้าคะ? ที่พอจะรับได้คือมีทางเลือกแบบส่วนร่วมจ่ายต่อปี 17,500 แล้วเบี้ยลดราคาลงไปเหลือสี่หมื่นห้า ถ้าใครมีสวัสดิการที่ทำงานอยู่บ้าง ทางเลือกนี้ก็พอจะรับได้ แต่ถ้าซื้อแบบไม่มีส่วนร่วมจ่ายเบี้ยเกือบหกหมื่น มันออกจะขืนใจไปซักนิดนึงอ่ะนะเจ้าคะ

    ทั้งหมดของกลุ่มแรกที่แม่มณีอธิบายมา แม่ขอเน้นย้ำว่า เหมาะกับคนที่มีปัญหาข้อจำกัดด้านงบประมาณ อยากได้แบบเหมาจ่ายราคาไม่แรงเกินไป และรับได้กับ “ค่าห้องน้อย” แม่มณีวงชมพูแผนที่น่าสนใจไว้ให้ แต่ถ้าใครเข้า รพ. เอกชนระดับบน ค่าห้องหลายพัน ไปจนถึงหลักหมื่นต่อคืน และไม่มีสวัสดิการอื่นมาใช้ร่วมกัน ขอให้ท่านอ่านกลุ่มต่อไป


    กลุ่มประกันเหมาจ่ายท้าชนโรงพยาบาลค่าห้องสูง ประกอบไปด้วย คู่พี่น้องส้มเปรี้ยว-โตเกียวที่แม่มณีเห็นความตั้งใจในการตีตลาดประกันเด็กมาอย่างต่อเนื่อง และ อยู่รอดยืนระยะมาได้ซักพัก แสดงว่าก็สามารถบริหาร loss ratio ได้ดีพอสมควร ตามมาด้วยพี่ใหญ่ค่ายชมพูที่สู้เฉพาะตลาดเด็กอายุ 6 ขวบขึ้นไปเท่านั้น




    ค่ายแรก แม่มณีขอยกมณีมงกุฎประกันเด็กเหมาจ่ายปี 2021 ให้พี่ส้มเปรี้ยว F อะไรดี ต่อเนื่องอีกปีหนึ่ง เนื่องจากประกันเด็กเหมาจ่ายค่ายนี้มีความเรียบง่าย ไม่จุกจิก และท้าชนทุกโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำได้จริง ในราคาที่คุ้มค่าสำหรับลูกเจ้าพระยาทั่วอาณาจักร แม้ F อะไรดีจะตัดแผนเล็กสุดเหมาจ่าย 550,000 ออกไป ขยับมาขายแผนเล็กสุดที่เหมาจ่าย 1 ล้านต่อปี ด้วยเบี้ยประกันที่น่ารักน่าลุ้นหกหมื่นกว่า ค่าห้องเท่าไหร่ก็ได้ ค่าหมอ ค่ายา เท่าไหร่ก็จ่ายตามจริง ขอแค่อย่าเกิน 1 ล้านต่อปี สำหรับแผนของพี่เปรี้ยวนี้ เหมาะสมเป็นอย่างมากกับแฟนคลับ รพ. ชั้นนำใน กทม. ไม่ว่าจะเป็นแถวนานา แถวสาธร แถวสุขุมวิท เบี้ยประกันหกหมื่นนิด ๆ ตัดกังวลไปได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ มันง่าย มันใช่ มันใช้ได้จริง ถ้าจ่ายไหว ถ้าใช้โรงพยาบาลหรูหรา นี่คือความคุ้มค่าสำหรับลูกคุณ

    ส่วนค่ายที่สอง คือน้องโตเกียว ค่ายนี้เพิ่งออกประกันเหมาจ่ายตัวใหม่มา ชื่อว่า โตเกียว สุขภาพดี และเป็น New Health Standard ด้วย ต่อสัญญา / เพิ่มเบี้ยประกัน แบบมีมาตรฐาน ไม่ต้องกลัวโดนเท หรือโดนทุบด้วยการเพิ่มเบี้ยรายบุคคล แต่เบี้ยประกันนั้นแรงเลยทีเดียว จุดเด่นที่เห็นเป็นสง่ามีสองข้อ คือ มีวงเงินค่าฉีดวัคซีน ตรวจสุขภาพ และผู้ป่วยนอกรวมกันเป็นวงเงินต่อปีวงเดียว เลือกใช้ได้ ถ้าไม่เจ็บไข้ก็เอาไว้ใช้เบิกเป็นค่าวัคซีน เรียกว่าวงเงินตรงนี้เด็กได้เบิกแน่ ๆ แม้ว่าจะให้มาน้อยก็ตาม จุดเด่นข้อที่สองคือระดับค่าห้องที่มีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่สองพันยันสองหมื่นห้า แม้ว่าราคาจะแรงปรี๊ดไมเกรนขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละท่าน นอกจากนั้นยังมีจุกจิกเพิ่มมาให้พวกค่าเตียงเสริมพ่อแม่, ค่าพยาบาลเฝ้าไข้พิเศษที่บ้าน แล้วแต่พ่อแม่แต่ละท่านว่าจะให้ความสำคัญฟังก์ชั่นพวกนี้มากมายเท่าใดเจ้าค่ะ

    ส่วนค่ายชมพูแม่มณีติดเป็นติ่งมา จริง ๆ ตอนแรกว่าจะตัดไปเพราะขายเด็กอายุ 6 ขวบขึ้นไปเท่านั้น แต่เห็นเบี้ยประกัน เทียบกับค่าห้องแปดพัน แล้วมันอดใจไม่ไหวจริง ๆ เผื่อมีพ่อแม่ท่านไหนลูกอายุ 6 ขวบขึ้นไป ใช้โรงพยาบาลในเครือ BDMS เหมาจ่าย 1 ล้าน ค่าห้อง 8,000 เบี้ยประกันสองหมื่นสอง พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ราคาน่าสนใจเกินกว่าที่จะไม่เขียนถึง ส่วนแผนประกันเด็กอื่น ๆ ของค่ายนี้นั้น โดยส่วนใหญ่บังคับให้ซื้อพ่วงประกันสุขภาพพ่อแม่ด้วย แล้วผลประโยชน์ก็ไม่ได้สวยงามโดดเด่นขนาดนั้น แม่มณีก็เลยขอ mention เชียร์เฉพาะแผนเพชรห่วงใยนี้สำหรับค่ายสีชมพูเจ้าค่ะ



    ถ้าอ่านมาจนถึงตรงนี้ แม่มณีคิดว่าท่านคงจะมีลูกน่ะแหล่ะ สิ่งที่แม่มณีจะฝากไปในฐานะคุณแม่ คือ “ซื้อให้ทัน” ไม่ใช่ต้องเลือกแผนประกันที่ดีที่สุด ที่แม่มณีขุดเจาะ หาข้อมูลมาให้ มีจุดดี จุดด้อยต่างกันไป เลือกซื้อให้สมดุลระหว่างโรงพยาบาลที่ใช้ กับเงินในกระเป๋าสตางค์ คำถามยอดฮิตที่ถามแม่มณีกันบ่อยคือ ซื้อค่ายไหนที่เคลมง่าย! แม่มณีตอบจากใจอยากซื้อประกันที่เคลมง่าย ไม่ใช่เลือกที่ค่าย แต่ต้องซื้อให้ได้ทันก่อนที่จะมีประวัติป่วยในโรงพยาบาล บริษัทประกันงอแงอย่างไร เราก็โต้แย้งได้เต็มที่ ไม่มี pre existing condition ในกอไผ่ เคลมได้ สู้ได้ ประกอบกับหาตัวแทนเกรดดีที่มีประสบการณ์ งานโต้แย้งสินไหมไม่ใช่ตัวแทนคนไหนก็ทำเป็น เน้นเลือกตัวแทนที่เข้าใจแบบประกัน และงานสินไหม ประกันสุขภาพไม่ใช่ซื้อกับตัวแทนคนไหนก็ได้ ยังไงแม่มณีก็ยังคงยืนยันเสมอเจ้าค่ะ